Mangkapon

Mangkapon
The Monster Rock Band

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เบื้องหลังการทำชุด งูจา

คนส่วนใหญ่มักถูกปลูกฝังมาว่าทำงานศิลปะทุกอย่างต้องมีการเสก็ตภาพก่อนทำงานจริง แต่ในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์กลับมีการสนับสนุนให้เราคิดในใจมากกว่าที่จะมาทดเลขข้างนอก จะว่าไปมันก็ไม่ผิดทั้งคู่ ยิ่งหากเป็นงานศิลปะย่อมไม่ควรมีกฏเกณฑ์ตายตัวว่ามีภาพสเก็ตหรือไม่มี ขึ้นอยู่ที่ผลตอนท้ายมากกว่าว่างานมันจะออกมาเป็นยังไง ภาพเสก็ตคือเครื่องช่วยเหมือนกระดาษทดเลขแค่นั้น อย่าไปสนใจอะไรมากหากทำงานไว้ใช้เอง แต่ถ้าทำงานออกแบบไปนำเสนอให้คนอื่น ภาพวาดหรืองานเสก็ตจำเป็นต้องมี และควรจะทำให้ออกมาเลิศหรูเหมือนอาหารเหลาคนจะได้อยากซื้ออยากกินงานของคุณ แรกเริ่มผมทำงานแบบทดไว้ในหัวตลอด ผมมีความสุขกับการเปรียบเทียบภาพในจินตนาการกับความจริงว่ามันจะเป็นยังไง ยอมรับว่าในช่วงแรกภาพในจินตนากับความเป็นจริงมันต่างกันสิ้นเชิง แต่พอเรามีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ภาพในใจกับภาพความจริงก็จะเริ่มใกล้เคียงกัน


ไม่ใช่ว่างานทุกงานจะไม่มีภาพเสก็ต ผมก็มีวาดไว้บ้าง สำหรับไว้เวลาปลดปล่อยอารมณ์ ซึ่งผมก็นิยมวาดภาพบนกระดาษสมุดเรียน เหมือนสมัยที่ผมเป็นเด็ก ตอนที่แอบวาดในห้องเรียน ผมจะรู้สึกสนุกกับการขีดเขียน ถึงแม้ว่ามันจะมีเส้นบรรทัดทำให้รกตาบ้าง แต่ทุกเส้นทุกสัมผัสที่มันออกมาผมรู้สึกได้ถึงพลังความคิดความอัดอั้นที่ตอนสมัยเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ มันจะวิ่งผ่านกาลเวลาเข้ามาในเส้นบรรทัดเหล่านั้น ไม่เชื่อคุณลองทำดู มีหลายคนได้ลองเอาไปใช้ตามที่ผมบอกแล้วเช่นกัน ผมยังไม่เคยถามถึงความรู้สึกจากพวกเขา แต่สำหรับตัวผมเอง เคยใช้ภาพเสก็ตบนกระดาษสมุดเรียน วาดแบบเส้นกระจุยกระจายเละๆ เอาไปทั้งสมุด ไปเสนองานมาแล้ว


ตัวที่เห็นคือตัวพรายน้ำสำหรับหนังเด็กที่ทางบริษัทซีดีมีเดียเคยคิดจะทำ เรียกผมให้ไปคุย บอกทำได้เลย ผมกลับมาทำไปครึ่งตัวแล้วโทรมาบอกว่า ไม่ทำแล้ว อยากเปลี่ยนเป็นทำหนังเกี่ยวกับงูยักษ์ ทำงูยักษ์มาให้หน่อย อาศัยที่ว่าเมื่อก่อนผมทำงานเร็ว งูยักษ์เสร็จภายในหนึ่งคืน พอโทรไปบอกเขาก็ตอบว่าอ้าวเหรอ ทำเร็วดีจัง พักโปรเจคไว้ก่อน สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอีกเหมือนเคย ผมเลยต้องเอาสัตว์สองชนิดมายำรวมกันเป็นตัวเดียว เก็บไว้ใช้เอง นั่นคือ ปิศาจงูจ๋า ซึ่งภายหนังผมเปลี่ยนชื่อเป็น งูจา เพื่อลดความน่ารักของมันลงไป



มาดูเทคนิคที่ผมเคยใช้ทำครับ ตอนนั้นผมใช้กระดาษลังที่แหละครับ มาขึ้นเป็นโครงด้านใน ติดกาวต่อกันเป็นโครงสร้าง หากใครมีหัวด้านทำแพทเทิ่นเสื้อผ้าจะได้เปรียบ เพราะใช้หลักการเดียวกัน แล้วผมก็แปะทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ทากาวสลับกับกระดาษนิตยสารสักห้้าชั้น เพื่อความแข็งแรง ผมแยกทำชิ้นส่วนสัตว์ประหลาดทีละชิ้นด้วยยางพารา แล้วเอามาเชื่อมต่อกันด้วยยางพาราอีกนั่นแหละ จนเป็นรูปเป็นร่างตามที่ต้องการ สังเกตวัสดุรอบข้างในภาพนะครับ เป็นวัสดุแนวบ้านๆ ของใช้ในครัวเรือน หาเอาใกล้ๆ มือ มีทั้งหม้อ ถังน้ำ ขาตั้งรถ เจออะไรใช้ได้ก็ประยุกต์กันไป
ยางพารา ภาษาอังกฤษเขาเรียก Latex ถ้าเคยได้ยินคำว่า โฟมลาเท็กซ์ มันคือการทำให้ยางหรือ Latex มีคุณสมบัติเหมือนโฟมโดยมีช่องว่่างในเนื้อเยอะๆ ทำให้มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น สังเกตได้จากที่นอนยางพาราครับ นั่นก็คือโฟมลาเท็กซ์ เป็นชื่อเท่ๆ ที่เวลาไปคุยกับใครแล้วคุณจะอัพคลาสไปอีกระดับ หากบอกว่ายางพารามันเหมือนงานเด็กประถม แต่พอบอกโฟมลาเท็กซ์มันก้าวข้ามมัธยมกลายเป็นปริญญาโททันที โครงสร้างพื้นฐานอันเดียวกัน มันแค่เพิ่มกรรมวิธีมาอีกหน่อย ซึ่งผลของการเป็นโฟมลาเท็กซ์คือความเบากระชับ แต่แตกลายงาและขาดง่าย ส่วนยางพาราทนอึดขาดยากกว่า แต่มีน้ำหนักมาก แล้วเวลาทำก็เปลืองน้ำยางถ้าจะเอามาหล่อตัน ต้องมีวิชาการแทรก การตัด การต่อเชื่อม อีกเล็กน้อย ทำชุดพวกนี้ผมไม่ได้ซื้อยางจากศึกษาภัณฑ์มาทีละขวด..ทีละขวดนะครับ ทำทีซัดยางกันเป็นแกลลอน กว่าจะได้มาเป็นตัว และผมก็พึงพอใจกับวัสดุ primitive งานสร้างงานแบบ homemade ทำคนเดียวยังงี้ มันสบายใจดีครับ ยิ่งทำหลายคนยิ่งปวดหัว


ถ้าสนใจการทำยางฟองน้ำ หรือโฟมลาเท็ก ผมพอมีตำราที่ได้มาจากทางห้องสมุดของ ม.เกษตร ซึ่งแบ่งปันเป็นความรู้กันได้ จากเฟสบุคของผมครับ ตามลิงค์ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.3466444674305.121387.1666701585&type=3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น