Mangkapon

Mangkapon
The Monster Rock Band

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การสร้างวงดนตรี แมงกะโปน

เมื่อก่อนผมไปแสดงงานที่ไหน ส่วนใหญ่จะใส่เอง เพราะเป็นหนทางที่ประหยัดงบที่สุด อย่างน้อยถ้าเกิดงานไหนไม่ได้เงิน เราก็ไม่ต้องกังวลใจที่จะต้องแบกรับภาระความรู้สึกของคนอื่นที่มาทำงานให้เรา แต่แล้วความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ การทำงานบางอย่าง เขาต้องการความอลังการ์ที่สัตว์ประหลาดต้องออกมาพร้อมกันหลายๆ ตัว ในงานเดียวกัน เราจะทำอย่างไร ช่วงแรกผมแก้ปัญหาโดยการให้ทีมงานของคนอื่นมาใส่ชุด แล้วให้เขาติดต่อกับเจ้าของงานเอง โดยผมขอรับเพียงแค่ค่าเช่าชุด การทำงานดูเหมือนจะราบรื่น ทว่าสุดท้ายก็ทิ้งปัญหาไว้อีกคือ เมื่อเขาไปเสนอราคากับทางต้นทางแล้วผลงานมันออกมาไม่ได้ตามที่เจ้าของงานเขาตั้งใจ ไม่คุ้มค่าเงิน เจ้าของงานเขาจะมองเป็นภาพรวม คือถ้าเลวก็เลวกันยกทีม เขาจะไม่แยกแยะว่าคนนี้คนใส่ คนนี้เช่าชุด ซึ่งผลกำไรที่ทีมคนใส่ได้มาทั้งหมด ผมไม่ได้อะไรเพิ่ม นอกจากแค่ค่าเช่าตามที่ตกลงกันเท่านั้น ถ้าปล่อยให้เป็นยังงี้ต่อไป ท้ายสุดแล้วลูกค้าจะค่อยๆ หายไปด้วยมือของคนอื่น มันก่อประเด็นให้ผมต้องขบคิด แล้วก็เริ่มต้นค้นหาทีมงานที่มีหัวใจรักในการใส่ชุดสัตว์ประหลาดมาสร้างทีมของเราเอง


ย้อนกลับไปในครั้งที่ผมใส่ชุดไปงานต่างๆ คนเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นงานคอสเพล์ ช่วยงานคนอื่นบ้าง งานที่เป็นรายได้จริงๆ หนึ่งปีจะมีอยู่สองงานคือปีใหม่กับวันเด็ก หากคิดจะเอามาเป็นอาชีพจริงจัง รับรองไม่รอด แต่ถ้าทำเล่นสนุกๆ ละก็โอเคอยู่ ซึ่งทุกวันนี้ที่ทำอยู่ครอบครัวผมเขาก็ไม่ยอมรับเท่าไร เขามองว่าเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่มันได้เงินจะดีซะกว่ามาทำตัวปัญญาอ่อนยังงี้ ดูเหมือนผมจะท้อและอยากเลิกทำ แต่มีเพื่อนผมอยู่คนนึงมันคอยโทรมาปั่นสมองให้สนุกกับเรื่องนี้ อย่าทิ้งไปเพราะเราเดินทางมาไกลแล้ว นั่นคือ อ๊อด กาวินแมน นั่นเอง ซึ่งคนๆ นี้แฟนผมบอกไว้ว่าเป็นบุคคลอันตราย น่ารังเกียจ ถ่วงความเจริญ แต่สำหรับผมอ๊อดคือมิตรแท้ตลอดกาล ไม่ว่าจะทุกข์ร้อนผิดหวังสมหวัง อ๊อดจะเหมือนหัวแป๊ะยิ้ม มองหน้ามันแล้วมันจะยิ้มให้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ใจมันเจ็บปวด มันก็ยิ้มได้เป็นกำลังใจให้เรายามท้อแท้ แฟนเก่าของอ๊อดเคยบอกผมว่า ต่อหน้าผู้คนอ๊อดจะยิ้มเสมอ แต่ถ้าปล่อยให้อ๊อดอยู่ลำพัง มันจะพูดของมันอยู่คนเดียวกับใครไม่รู้ นั่นไง!! กูว่าแล้ว มึงต้องไม่ธรรมดา...

ไม่นานก็มีงานเข้ามาอีกทีนี้เป็นงาน Event ที่ต้องใช้ชุดสัตว์ประหลาดพร้อมกันสามตัว ผมโพสหาทีมงานในเวบสมัครงานต่างๆ รวมถึงจัดตั้งเฟสบุคเฉพาะกิจ ก็มีคนอีเมล์มาถามว่า รายได้เท่าไร ทำงานนานแค่ไหน งานมีบ่อยหรือเปล่า เราก็แจ้งเขาไปว่าเราไม่ใช่งานที่ทำเป็นอาชีพหลัก นานๆ จะมีงานเข้ามาซักที บางคนก็เข้าใจ บางคนที่เขามุ่งหวังจะเอาเป็นรายได้ประจำเขาก็หนีหายไป อีกทีพอติดต่อคุยกันพอรู้ค่าตัวเขาก็ไม่เอา เพราะเขาคาดหวังว่างานระดับนี้มันต้องค่าตัวคราวละเป็นพัน ถ้าได้หลักร้อยเขานั่งเกาไข่อยู่กับบ้านจะดีกว่า จากสามสิบกว่าคนที่สมัครมา ท้ายสุด เหลือให้เลือกอยู่ไม่ถึงสิบคน จนในที่สุดก็พบทีมชุดแรกจำนวนสามท่าน มาเพราะว่า อยากลองเป็นประสบการณ์ชีวิต ผมก็เลยนัดเจอหน้ากันวันงานจริงเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการเดินทางกันบ่อยๆ


พอถึงวันจริง ผมก็อดรู้สึกใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่ได้ว่า เฮ้ย เขาจะมากันมั้ย ไม่น่าเชื่อว่า เป็นทีมชุดแรกที่สร้างความประทับใจให้กับผมมาก นัดบ่ายสอง มากันแต่แต่เที่ยง ผมมาถึงประมาณบ่ายโมง พวกเขามารอผมก่อน เวลาอธิบายงานก็มีความกระตือลือล้นดีมาก งานนนี้ต้องมาแจมกับอ๊อด ซึ่งก็มีการพูดคุยซักซ้อมกันเล็กๆ น้อยๆ ก่อนการแสดง เนื่องจากงาน Event ในห้าง มีพริตตี้จากบูทอื่นเห็นสัตว์ประหลาด ก็จะเข้ามาโอบมากอดมาแนบมาชิด ซึ่งคนใส่ข้างในก็สุดปลื้มเพราะถ้าเป็นคนปกติก็จะไม่มีใครมาทำแบบนี้ด้วย เมื่อการแสดงผ่านพ้นไป ผมถามพวกเขาว่า ถ้ามีงานแบบอีกนี้จะมามั้ย เขาก็บอกว่า จัดมาเลยพี่ ผมชอบ


ผมเก็บข้อมูลจากการแสดงโชว์ที่ผ่านมา ปัญหาคือทำไมฮีโร่สัตว์ประหลาดถึงจะต้องมีแต่การต่อสู้..ต่อสู้ หลายๆ ทีมที่ทำฮีโร่ด้วยกันก็พยายามแสวงหาสตั๊น..สตั๊น ทั้งที่ในความเป็นจริง มันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นการแสดงที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพียงอย่างเดียว ยังมีโชว์อีกมากมายที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชมมากกว่าเตะต่อยไปมา เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงวงดนตรีร็อคสัตว์ประหลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยคิดจะทำหนังเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดทำลายศัตรูด้วยกีตาร์แล้วก็ไม่ได้ทำ ผมรู้สึกคิดถึง Prop ชิ้นนี้ เลยหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นกีตาร์รูปปืนครับ ประสิทธิภาพของกีตาร์ตัวนี้ในพล็อตหนังของผมก็คือสัตว์ประหลาดร่างยักษ์มันจะใช้ยิงถล่มบ้านเมืองกระจุยกระจายพินาศ แล้วสัตว์ประหลาดตัวอื่นเดินเข้ามาก็จะถูกยิงด้วยกีตาร์เขาหักหางขาด สายกีตาร์ถูกตะหวัดกระจายได้คล้ายใยแมงมุมรัดคู่ต่อสู้ให้หลุดขาดออกเป็นชิ้นๆ ฟังดูโหดนะครับ แต่ยังไม่ได้ทำครับ ยังมีเงินไม่เยอะพอที่จะทำหนังออกไปเจ๊ง ตอนนั้นอุตส่าห์ลงทุนซื้อกล้อง HDV มา ทุกวันนี้ก็ได้แต่เอากล้องตัวนี้ไปใช้ถ่ายหมาแมวได้แค่นั้นเอง


เมื่อมีไอเดียในหัว สิ่งที่ขาดคือทีมงาน บุคคลกลุ่มแรกที่นึกถึงก็คือทีมงานที่เคยออก Event ครั้งก่อน คนนึงตอบว่า ผมทำงานแล้วพี่ ผมไม่ว่าง อีกคนก็ไม่ว่าง เหลือคนสุดท้ายที่เป็นความหวัง ณ วันนั้นโทรไปเขาไม่รับสาย ผมโทรไปสองสามวันต่อจากนั้น ก็ไม่รับสายอีก เลยคิดว่าคงต้องหาคนอื่น ผมลงประกาศรับสมัครคนเพิ่มอีกครั้ง ไม่นานก็มีคนที่สมัครเพิ่มเข้ามาอีกราว 20 กว่าคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแม็ก บุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านการแสดงในชุดแมสคอต มีความอดทนต่อสภาวะที่ร้อนระอุในชุดได้ ซึ่งถ้าเคยใส่แมสคอตแล้วร้อน ชุดผมร้อนกว่าเป็นร้อยเท่า เพราะเป็นยางล้วนๆ ทางระบายอากาศมีแค่ช่องที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น นอกนั้น ไม่มีทางให้อากาศเข้าไปเลย แม็กเอาโปรไฟล์งานเก่าๆ ของเขาให้ผมดู ผมรู้สึกว่าผมพบบุคคลที่เหมาะสมกับงานนี้แล้วหนึ่งคน แต่ทว่าแม็กเล่นดนตรีไม่เป็น ดังนั้นสิ่งที่ผมจะต้องขบคิดต่อมาก็คือ ผมจะใช้นักดนตรีจริงเครื่องดนตรีจริง หรือใช้เป็นเพียงแค่การแสดง ผมลองลงประกาศรับสมัครเพิ่ม โดยการใส่ความต้องการเพิ่มไปหนึ่งข้อคือต้องการเป็นนักดนตรีจริง ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน มีนักดนตรีสมัครเข้ามาประปราย เลยไล่เสิชในเฟสบุค คนที่มือโปรไฟล์ว่าเป็นมือกีตาร์ มือเบส มือกลอง ผมติดต่อไปก็มีทั้งคนสนใจและไม่สนใจ ทีสนใจพอจะคุยเป็นเรื่องเป็นราวจะเอาจริงก็บอกว่าพี่ครับ ผมคงไม่ว่าง พี่ครับผมติดกิจกรรมที่มหาลัย ผมเชื่อว่าเป็นการปฏิเสธแบบไม่ให้เราเสียความรู้สึก จนมาเจอคนนึงเขาเสนอผมว่า เอามั้ย ไม่ต้องไปหาคนอื่น เรียกเขาทั้งวงไปเล่นให้ เวลาเล่นจริงมันเข้าขากันมากกว่า ผมเลยนัดเจอกับเขา เอารูปสัตว์ประหลาดไปเปิดให้เขาดู อธิบายชอทต่อชอท ความคิดของเขาคือ คิดว่าแค่แต่งหน้า ไม่ได้สวมทั้งชุด เขาเห็นภาพชุดสัตว์ประหลาดเขาบอกว่า ขอพูดตามตรงเลยนะ อย่าทำเลย ทำไปก็ไม่สำเร็จ มันดูปัญญาอ่อน พวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถ ทีมเขาเป็นนักดนตรีอาชีพจริงๆ ถ้าเขาถอดชุดมาแล้วมาเห็นว่าเป็นเขา มาเจอคนที่รู้จัก เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าคิดจะทำต่อไปหาคนอื่นที่เพิ่งหัดเล่นดนตรีใหม่ๆ จะดีกว่า แต่เชื่อเถอะ ทำไปก็ไม่รุ่ง อย่าทำเลย เสียเงินเปล่า เป็นการปฏิเสธที่แทงใจผมมาก น่าจะต่อยซักหนึ่งหมัด แต่ช่างมันเถอะไอ้คำด่าว่าพวกนี้แฟนผมมันพูดบ่อยจนเรารู้สึกชินชากับมันไปซะแล้ว สเก็ตงานอยู่ดีๆ เผลอหลับ แฟนผมมันก็แอบมาเขียนใส่ด้านหลังสมุดสเก็ต วันดีคืนดีพลิกไปพลิกมาก็มาอ่านเจอ


พอพลาดหวังจากการที่จะได้เหมาวงดนตรีครบทีมมาใส่ชุด เลยต้องมานั่งหาแยกเป็นคนๆ มารวมกันอีกครั้ง ผมเข้าไปอ่านในอีเมล์ผมอีกครั้ง ไล่หาความสามารถพิเศษของคนแต่ละคนชนิดบรรทัดต่อบรรทัด จนพบได้พบว่าคนที่เคยสมัครมาก่อนหน้านี้ มีคนที่มีความสามารถทางด้านกลองและเบสอยู่ถึงสามคน ผมไล่ติดต่อจนได้มือเบสหนึ่งคน และมือกลองหนึ่งคน ความหวังใกล้จะเป็นจริง ขาดแค่กีตาร์ริทึ่มกับกีตาร์นำ ไม่น่าเชื่อว่าสองตำแหน่งนี้ จะเป็นตำแหน่งที่ดูเหมือนจะหาง่าย แต่หาคนตอบรับมาร่วมงานได้ยากที่สุด เพราะเพียงแค่ภาพลักษณ์ที่เป็นสัตว์ประหลาด พอดีช่วงนั้นมีงาน Event เข้ามา ใช้สัตว์ประหลาดสามตัวอีกเหมือนเดิม เลยนับเป็นโอกาสที่ดีที่จะนัดเจอทีมงานใหม่ ผมตัดสินใจเลือกแม็กทั้งๆ ที่เขาเล่นกีตาร์ไม่เป็น ส่วนอีกสองคนคือหนุ่ยกับต่ายเล่นเบสกับกลองได้ (เล่นได้นะครับเล่นเก่งหรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะไม่เคยเห็นฝีมือในตอนนั้น) ขอนัดเจอในงาน Event จริงๆ เพื่อดูความเหมาะสมกันวันนั้นเลย


ในวันงานผมพบว่า Performance ในการสวมใส่ชุด แม็กมีความสามารถมาก มีความคล่องตัวสูง ไม่รู้จักเหน็ด ไม่รู้จักเหนื่อย ทั้งๆ ที่เหงื่อหยดติ๋งๆๆๆ ลงมาใต้หน้ากาก เขาก็ยังอยู่ในชุดได้ โดยไม่แสดงอาการล้า ในขณะที่อีกสองคน ต่ายกับหนุ่ยแสดงได้บ้าง เล่นบ้าง แต่ยังไม่ Flow เท่าแม็ก อาจต้องใช้เวลาฝึกฝนและสร้างความคุ้นเคยมากกว่านี้ จากภาพที่ผมเห็นผมเลยตัดสินใจว่า ผมจะไม่หามือกีตาร์ใหม่แล้ว ผมเบื่อกับการที่ต้องแสวงหาคนที่เล่นกีตาร์เป็น แต่การแสดงเขาอาจจะไม่ได้ ณ จุดนี้ เรามีตัวหลักที่มีการแสดงอยู่ในระดับใช้ได้แล้วหนึ่งคน อีกสองคนถ้าเขามีประสบการณ์มากกว่านี้ เราก็สามารถที่จะสร้างทีมนี้้ขึ้นมาได้ ความหวังอยู่ไม่ไกลแล้ว


ในเมล์เก่าที่คนสมัครมารวมทั้งหมดที่ผ่านมาประมาณกว่า 50 กว่าคน  ผลไล่อ่านใหม่ ผมคัดเลือกคนโดยไม่มองความสามารถทางด้านดนตรีอีกครั้ง เอ็กซ์ เป็นคนที่สี่ที่ผมเลือกเขาเข้ามา เมื่อโทรคุยกันฟังดูเขามีความตั้งใจจริง ทำให้ได้ทีมตัวหลักครบ 4 คน กีตาร์สองคน เบส กลอง แต่ปัญหายังไม่จบ หนุ่ยมือเบส ส่งข้อความทางเฟสมาบอกผมว่า พี่ ผมขอถอนตัว ผมจะเรียน กศน. ให้จบ ผมจะไม่ว่างแล้วพี่ ว่าแล้วสมาชิกก็หายไปหนึ่ง กลับมาอยู่ที่สามคนเหมือนเดิมจนได้ (ทำให้คนที่เล่นดนตรีเป็นในทีมผมเหลืออยู่คนเดียวคือมือกลอง) ผมก็ต้องมานั่งดูโปรไฟล์คนที่สมัครอย่างพินิจพิจารณาอีกรอบ ก็เห็นโปรไฟล์คนที่ใส่ชุดแมสคอตเต้นมาให้ดู บอกว่ามีประสบการณ์ในการใส่ชุดแมสคอต ชื่อข้าวโพด อืมม... เลยลองโทรไปคุย ฟังจากที่เล่าประสบการณ์การใส่ชุดแมสคอตมาหลายครั้ง คิดว่าน่าจะโอเค เอาละ ถึงเวลาที่เราจะต้องหาที่ที่จะทดสอบความสามารถของทีมกันแล้ว แต่ถ้าเกิดคนที่นัดมายังไม่ใช่แบบที่เราต้องการ เราอาจต้องมาค้นหากันใหม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็คัดเลือกคนเพิ่มเข้ามา เพื่อที่จะเปรียบเทียบความเหมาะสม และคิดว่าผมรับทุกคนที่มาเข้าทีม โดยมีตัวหลักและตัวสำรอง ผมอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้คนที่จะนัดมาพบกันให้เข้าใจ โดยการพบปะกันครั้งนี้เรานัดกันที่ห้องซ้อมดนตรี


ผมนัดมาทั้งหมด 9 คน แต่คนที่มาในวันนั้นไม่นับตัวผมก็มี 4 คน พอดิบพอดี อ้อ ลืมไปคนนึง วิน มาถ่ายภาพให้ คนนี้ตอนแรกผมก็ติดต่อให้มาเล่นกีตาร์ แต่เขาบอกว่าอยากจะมาถ่ายภาพให้มากกว่า ผมก็ไม่ขัดศรัทธาครับ ขอให้มาผมก็ดีใจแล้ว เหมือนฟ้ากำหนดให้เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกใครไปมากกว่านี้ นัดกันแล้วไม่มาทีเดียวถึงสี่คน ดังนั้นที่มาเจอกันถือเป็นตัวจริงทั้งหมด ตัวผมเองก็รับหน้าที่เป็นตัวสำรองและพี่เลี้ยงในคนๆ เดียวไป วันนั้นหนักไปทางนั่งคุยกันมากกว่าจะซักซ้อมดนตรี


นี่เป็นเพียงก้าวแรกของการรวมทีมวงดนตรี แมงกะโปน ประกอบด้วย แม็ก เอ็กซ์ ข้าวโพด ต่าย โดยมีผมเป็นผู้ควบคุมทีมและตัวสำรอง ถ้าใครไม่มาผมก็จะเข้าไปทำหน้าที่แทน ยังมีอุปสรรคอีกมากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา รวมถึงมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงคนในทีมอีก ซึ่งเราจะกล่าวถึงในตอนต่อไป


หากคุณใช้ Facebook เชิญเยี่ยมชม แฟนเพจของเราได้ที่ http://www.facebook.com/themangkapon

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น